ตำนานของคิวปิด(Cupid)และไซคี (Phyche)

วิทยาศาสตร์ทั่วไป

ณ หน้าผาแห่งหนึ่งที่ไซคีกำลังยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยว เธอคิดกับตัวเองในใจว่า”ความสวยงามนั้นคือคำสาป”ในขณะที่เธอกำลังมองไปยังขอบหน้าผาที่ซึ่งบิดาของเธอได้นำเธอมาทิ้งไว้

ไซคีนั้นเกิดมาพร้อมกับความงามที่สมบูรณ์แบบในทุกๆด้าน จนมนุษย์ได้บูชาเธอว่าเป็นร่างอวตารของเทพวีนัส เทพีแห่งความรัก ด้วยรูปลักษณ์ที่สวยงามของเธอทำให้มนุษย์หลายคนต้องหลงรักแต่ทุกคนก็กลัวที่จะเข้าไปใกล้เธอเพราะความสวยงามที่สมบูรณ์แบบ บิดาของไซคีจึงเดินทางไปหาออราเคิลผู้นำสารของเทพอพอลโลผู้ซึ่งเป็นเทพแห่งแสงสว่าง,การใช้เหตุผลและคำพยากรณ์เพื่อขอคำแนะนำ ออราเคิลได้แนะนำบิดาของไซคีว่าให้บำบุตรสาวของเขาไปทิ้งไว้บนหน้าผาหินที่สูงชันแห่งหนึ่ง ที่เธอจะต้องแต่งงานกับปีศาจที่มีรูปร่างคล้ายกับงูที่มีปีกและโหดร้าย

ในขณะที่นั่งอย่างเดียวดายบนหน้าผานั้นไซคีสัมผัสได้ถึงเซเฟอร์หรือลมตะวันตกที่พัดมายกตัวเธอให้ลอยขึ้นในอากาศอย่างนุ่มนวลและได้พาเธอไปยังหน้าปราสาทแห่งหนึ่ง ในขณะนั้นเองไซคีได้ยินเสียงที่มองไม่เห็นกล่าวว่า”เธอกลับถึงบ้านแล้ว” และกล่าวต่อว่า “สามีของเธอนั้นกำลังนอนอยู่ข้างในห้องนอนหากเธอกล้าที่จะเดินเข้าไปพบเขา” ไซคีบอกตัวเองว่าเธอต้องกล้าพอที่จะเดินเข้าไป เมื่อเธอเดินเข้ามายังถึงห้องนอนที่มืดสนิทจนไม่สามารถเห็นสิ่งใดๆเลยรวมถึงสามีเธอด้วย ไซคีได้เอื้อมมือไปและได้สัมผัสกับสามีของเธอแต่รูปร่างของเขานั้นไม่ได้เหมือนงูเลยสักนิด ผิวของเขานุ่ม เสียงและกิริยาของเขาก็นุ่มนวลด้วยเช่นกัน เธอจึงกล่าวถามไปว่า”เขาคือใคร?” แต่เขาตอบกลับว่า”นี่เป็นคำถามที่เขาไม่สามารถบอกได้” ถ้าหากเธอรักเขาเธอก็ไม่มีความจำเป็นต้องรุ้เลยว่าเขานั้นเป็นใคร หลังจากนั้นเขาก็มาเธอทุกๆคืน และไม่นานไซคีก็ได้ตั้งครรภ์ เธอรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากแต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกถึงความขัดแย้งบางอย่างอยู่ในใจว่าเธอจะเลี้ยงลูกของเธอกับสามีที่ไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้าตากันมาก่อนได้อย่างไร

ในคืนนั้นเองไซคีได้แอบถือตะเกียงน้ำมันและได้เดินเข้าไปหาสามีของเธอที่กำลังหลับอยู่ สิ่งที่เธอพบคือเทพคิวปิด เทพผู้ทำให้เทพหรือมนุษย์เกิดความหลงรักกันและกันด้วยลูกศรของเขา เทพคิวปิดผู้เป็นสามีสะดุ้งตื่นขึ้นมาทำให้ไซคีตกใจและเผลอทำตะเกียงน้ำมันร้อนหกใส่ผิวของเทพคิวปิด เขากล่าวว่าเขานั้นตกหลุมรักไซคีแต่เม่ของเขาเทพวีนัสที่อิจฉาความงามของไซคีได้สั่งให้เขายิงลูกศรใส่เธอเพื่อแกล้งให้เธอต้องอับอาย แต่เมื่อคิวปิดมาเจอไซคีก็ได้หลงไหลในความสวยงามของเธอเอง เขาจึงให้ศรนั้นกับตัวของเขาเองเพื่อให้เขาทั้งสองรักกัน แต่คิวปิดไม่คิดว่าเทพและมนุษย์จะสามารถรักกันในสถานะที่เท่าเทียมกันได้จึงทำให้เขาต้องปิดบังตนเองไม่ให้ไซคีรู้ว่าเขาเป็นเทพ ดังนั้นเมื่อไซคีรู้แล้วว่าตัวตนที่แท้จริงของเขาเป็นใคร ความหวังที่คิวปิดคิดว่าจะอยู่กันอย่างมีความสุขจึงพังทลายลงไป เขาจึงเลือกที่จะบินจากไป

ไซคีถูกทอดทิ้งอยู่กับความสิ้นหวังและเสียใจจนกระทั่งเธอได้ยินเสียงที่มองไม่เห็นอีกครั้งซึ่งเสียงนั้นกล่าวกับเธอว่า”แท้จริงแล้วความรักระหว่างเทพและมนุษย์ที่จะรักกันอย่างเท่าเทียมนั้นเป็นไปได้” เธอจึงมีกำลังใจที่จะออกตามหาสามีของเธอ แต่เทพวีนัสได้ปรากฏตัวและขวางกั้นไซคี โดยบอกกับไซคีว่า “ทางเดียวที่เธอจะได้แต่งงานคือ เธอต้องทำภารกิจบางอย่างให้สำเร็จ” ซึ่งภารกิจที่วีนัสให้กับไซคีนั้นเป็นภารกิจที่ไม่มีทางที่มนุษย์ธรรมดาจะทำได้สำเร็จ

ภารกิจแรกคือ ไซคีต้องแยกเมล็ดพืชที่ปนกันอยู่หลายชนิดกองใหญ่ออกจากกันภายในคืนเดียว ไซคีพยายามทำอย่างสุดความสามารถ เมื่อเวลาใกล้จะหมดลงไซคีเริ่มรู้สึกหมดหวัง แต่ในขณะนั้นเองฝูงมดรู้สึกสงสารเธอจึงมาช่วยไซคีแยกกองเมล็ดพิชออกจากกันได้สำเร็จ ด่านทดสอบแรกจึงผ่านไป

สิ่งที่ไซคีต้องทำต่อไปคือ การนำขนแกะทองคำมามอบให้วีนัส ซึ่งแกะทองคำตัวนี้เป็นที่ร่ำลือกันว่ามันมักจะขวิดนักเดินทางจนไส้แตก แต่เทพแห่งแม่น้ำมาช่วยแนะนำวิธีเก็บขนแกะได้อย่างปลอดภัย โดยการเก็บขนแกะทองคำที่ติดอยู่ตามไม้หนามต่างๆที่แกะทองคำเดินผ่าน เธอจึงทำได้สำเร็จ

สุดท้าย ไซคีต้องเดินทางไปยังยมโลกเพื่อเกลี้ยกล่อมเทพีโพรเซอพินา เทพีแห่งความตาย เพื่อให้แบ่งความงามของนางหนึ่งหยดและใส่กล่องมาให้วีนัส อีกครั้งที่เสียงเสียงที่มองไม่เห็นได้มาช่วยไซคี เสียงนั้นบอกกับไซคีว่าให้นำเค้กข้าวบาร์เล่ย์ติดตัวไปเพื่อให้เซอเบอร์รัสสุนัขเฝ้าประตูยมโลก และให้พกติดเหรียญติดตัวไปเพื่อมอบให้แก่คนแจวเรือข้าวแม่น้ำสติกซ์ชื่อชารอน ไซคีจึงสามารถทำภารกิจสุดท้ายได้สำเร็จและกลับมายังดินแดงของคนเป็น เมื่อเธอมาถึงหน้าพระราชวังของวีนัส เธอก็เปิดกล่องที่ใส่ความงามของโพรเซอพินาซึ่งเธอหวังว่าจะเก็บไว้เองบางส่วน แต่ในกล่องที่เธอเปิดขึ้นมากลับไม่ใช่ความงามแต่เต็มไปด้วยสิ่งที่ทำให้หลับใหล ไซคีจึงหมดสติและหลับลงตรงหน้าพระราชวัง

คิวปิดซึ่งได้ไปรักษาแผลของตนจนหายดีแล้วได้บินกลับมาหาเจ้าสาวของเขาที่กำลังอยู่ในห้วงนิทรา เขากล่าวกลับเธอว่า เขาทำผิดและเป็นคนโง่เขลาเอง ความกล้าหาญของไซคีในการเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่รู้จักได้พิสูจน์ว่าเธอนั้นไม่ได้เพียงแค่มีความรักที่เท่าเทียบกับเขาแต่อาจจะมากกว่าเสียอีก คิวปิดจึงนำแอมโบรเซียน้ำทิพย์ของเทพเจ้าซึ่งทำให้ไซคีฟื้นขึ้นมาและเป็นอมตะ หลังจากนั้นไม่นานไซคีก็ได้ให้กำเนิดบุตรสาวที่ทั้งคู่ตั้งชื่อให้เธอว่า เพลเชอร์หรือความสุข โดยคิวปิดและไซคีซึ่งแปลว่าจิตวิญญาณ ก็ได้สร้างความซับซ้อนให้กับชีวิตรักของผู้คนตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

 

 

ที่มา: TED-Ed
เรียบเรียง: SignorScience