7ตัวอย่างรถยนต์ในอนาคต

เทคโนโลยี

ในขณะนี้อุตสาหกรรมรถยนต์กำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่เลยก็ว่าได้ เราสามารถสังเกตุได้ว่าปัจจุบันการออกแบบรถยนต์ได้เปลี่ยนไปอย่างมากเช่นใช้ระบบขับอัตโนมัติ การออกแบบภายในรถที่เพิ่มพื้นที่สำหรับการใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น เราสามารถใช้เวลาที่อยู่บนท้องถนนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการทำงาน,ดูหนัง,ผ่อนคลาย ลองมาดูตัวอย่างคอนเซปรถยนต์ที่ถูกออกแบบเพื่อการใช้ในอนาคต

MINI

1.Mini Electric Concept (2017)

รถMiniคันนี้ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าซึ่งใช้ระบบกำลังส่งแบบเดียวกันกับ BMW i3ที่สามารถวิ่งได้ไกลถึง 150ไมล์หรือ241กิโลเมตร

Toyota

2.Toyota Concept i (2017)

Toyota Concept iสามารถขับได้ด้วยตัวของมันเอง ซึ่งมีการออกแบบและตกแต่งภายในให้ดูล้ำสมัย นอกจากนั้นยังมีการใช้ระบบAIซึ่งมันสามารถเรียนรู้จากคนขับเพื่อคาดการณ์ถึงความต้องการของผู้ขับในขณะนั้น เช่นถ้าคุณกำลังเศร้า AIจะวิเคราะห์อารมณ์ของคุณและให้แนะนำหรือถ้าจำเป็นมันอาจจะควมคุมรถเองและพาคุณไปยังจุดหมายอย่างปลอดภัย

Porsche

3.Mission E Concept (2017)

รถยนต์สัญชาติเยอรมันของPorscheฝันถึงการทำรถสปอร์ตที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่คาดว่าจะวิ่งได้ไกลถึง 300ไมล์หรือ482กิโลเมตร และยังมีแรงม้าสูงถึง600แรงม้า สามารถเร่งความเร็วจาก0-100กิโลเมตรได้ภายใน3.5วินาที

Faraday Future

4.Faraday Future FF91 (2017)

FF91ของFaraday Futureอนุญาติให้ผู้ที่เป็นเจ้าของสามารถออกแบบตามที่เจ้าของต้องการ ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าทั้งหมด นอกจากนั้นยังวิ่งได้ไกลถึง 480กิโลเมตร และเร่งความเร็วถึง100กิโลเมตรภายใน2.39วินาที

Volkswagen

5.Volksawagen I.D. Buzz

Volkswagenได้เปิดตัวคอนเซ็ปรถบัสขนาดเล็กที่งาน Detroit Auto Showเมื่อเดือนมกราปีนี้ หลังจากนั้นพวกเขาตัดสินใจนำคอนเซ็ปนี้มาผลิตจริงในชื่อ I.D. Buzzซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในปี2020

Nissan

6.Nissan IDS

คอนเซ็ปรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของNissanจะใช้คาร์บอนไฟเบอร์ที่มีน้ำหนักเบาเป็นเพลารถและใช้แบตเตอร์รี่60กิโลวัตต์ คอนโซลหน้าทั้งหมดจะเป็นหน้าจอยาวที่สามารถแสดงผลได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นดูสภาพอากาศ,แผนที่,ปฏิทินและอื่นๆ

NIO

7.Nio

รถยนต์สัญชาติจีนที่ออกแบบมาเพื่อความสบายซึ่งภายในรถนั้นถูกออกแบบมาเพื่อที่จะเป็นพื้นที่ที่สามารถใช้ประโชยน์ได้ รวมถึงการเอนเบาะเพื่อที่จะให้ผู้โดยสารทุกคนสามารถคุยกันได้อย่างสะดวกสบาย

 

ที่มา: Futurism
เรียบเรียง: SignorScience