ฝน 10ประเภทที่อยู่นอกโลกเรา ตอนที่1

อวกาศ

ฝน หิมะ ลูกเห็บ เป็นรูปแบบทั่วไปของการตกที่เราคุ้นเคย แต่จะบ่อยแค่ไหนที่เราเห็นสิ่งเหล่านั้น แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศที่เราอาศัยอยู่ แต่ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหน การตกของทุกแบบที่เราพบในโลกนี้ประกอบไปด้วยน้ำ แต่ดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ และดวงจันทร์ต่างๆ มีฝนในรูปแบบที่หลากหลาย พายุฝนและหิมะตกที่เกิดขึ้นในที่อื่นๆในจักรวาล จะประกอบด้วยองค์ประกอบที่แตกต่างจากสิ่งที่เราพบเห็นบนโลก สิ่งที่เกิดขึ้นนี้บางอย่าง..เป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจมาก

 

ESO/L. Calçada

10.ฝนหิน ( Rock rain)

จากการเฝ้าสังเกตการณ์ครั้งแรก ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2008, ดาวโครอท-7 บี (Corot-7b) เป็นดาวเคราะห์นอกระบบ มันมีขนาดใหญ่เกือบจะ 2 เท่าของโลก ความหนาแน่นของมันมีความคล้ายคลึงกับโลกของเรา แม้ว่าจะมีสภาวะไม่ให้อยู่อาศัยได้ COROT-7b อยู่ห่างจากดาวของมันประมาณ 2.5 ล้านกิโลเมตร (1.5 ล้านไมล์) ถ้าเปรียบเทียบกับดาวอังคารที่อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ นั่นคือประมาณ 47 ล้านกิโลเมตร (29 ล้านไมล์) นับจากจุดที่ใกล้ที่สุด เนื่องจากความใกล้กับดวงอาทิตย์ของในระบบของมัน ทำให้ดาวที่เป็นหินนี้ ถูกล็อคด้วยแรงโน้มถ่วงให้หันหน้าด้านเดียวเข้าหาดาวแม่ของมันเสมอ ด้านที่หันเข้าหาดวงอาทิตย์มีอุณหภูมิสูงประมาณ 2,327 องศาเซลเซียส (4,220 ° F) ในสภาวะที่ร้อนจัดนี้ ความร้อนมีความสามารถในการหลอมและระเหยหินซึ่งจะสร้างรูปแบบของฝนที่ไม่เหมือนใครในดาวของมัน COROT-7b ปกคลุมไปด้วยมหาสมุทรและทะเลสาบลาวา หินที่ถูกหลอมเหลวจะระเหยกลายเป็นไอ ขึ้นไปสู่ชั้นบรรยากาศ ที่ซึ่งมันจะกลั่นตัวเป็นเมฆหิน แล้วตกลงมาเป็นกรวดหินเล็กๆลงสู่มหาสมุทรลาวา และมีวงจรที่คล้ายคลึงกับวงจรของน้ำบนโลกเรา

ESO/M. Kornmesser

 9. ฝนแก้ว ( Glass rain) 

ดาวเคราะห์นอกระบบที่เรียกว่า HD 189733b ได้รับการตรวจพบโดยกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลในปี 2005 ดาวยักษ์สีน้ำเงินเข้ามาอยู่ในประเภทของดาวเคราะห์นอกระบบที่เรียกว่า “ดาวพฤหัสร้อน” ดาวพฤหัสร้อนนี้เป็นดาวแก๊สขนาดใหญ่ที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ของพวกมันอย่างใกล้ชิด ซึ่งส่งผลให้เกิดความร้อนที่อุณหภูมิพื้นผิว HD 189733b มีอุณหภูมิในเวลากลางวันถึง 930 c (1,700 ° F) สำหรับการเปรียบเทียบอุณหภูมิโดยเฉลี่ยของดาวพฤหัสบดีของเราอยู่ที่-148 c (234 องศาฟาเรนไฮต์) HD 189733b อยู่ห่างจากโลกไป 63 ปีแสง ดาวดวงนี้จะปรากฏเป็นสีฟ้าจากระยะไกลเช่นเดียวกับโลก HD 189733b ได้รับสีเช่นนั้นเพราะฝนแก้วที่รุนแรงที่ตกหนักไปรอบดาว ส่งผลให้ ความเร็วลมบน HD 189733b สามารถเร็วได้ถึง 7 เท่าของความเร็วเสียงซึ่งเดินทาง 8,700 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (5,400 ไมล์ต่อชั่วโมง) บรรยากาศของ HD 189733b ประกอบด้วยเมฆที่เจือด้วยอนุภาคซิลิเกต เมื่อเมฆที่อยู่สูงปล่อยอนุภาคซิลิเกต ความร้อนสูงจะทำให้แก้วละลายและลมที่แรงทำให้ฝนแก้วตกลงไปในแนวเฉียง

NASA/Goddard Space Flight Center Scientific Visualization Studio

8.หิมะน้ำแข็งแห้ง ( Dry ice snow)

ดาวอังคารมีพายุหิมะที่รุนแรงที่เกิดขึ้นในช่วงกลางคืน ดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้เรานี้ มีเมฆและน้ำแข็งที่อยู่ต่ำมาก ระยะเพียง 1 – 2 กิโลเมตร (0.6-1.2 ไมล์) เหนือพื้นผิวของดาว ก่อนหน้านี้เชื่อว่าฝนที่ตกจากเมฆเหล่านี้จะลอยอย่างช้าๆไปยังพื้นผิวของดาวโดยใช้เวลาหลายชั่วโมงหรือหลายวันกว่าถึงพื้นดิน แต่ข้อมูลที่รวบรวมโดย ยานอวกาศมาร์ส โกลบอล เซอร์เวเยอร์ (Mars Global Surveyor-MGS) ที่พัฒนาขึ้นโดย หน่วยงานย่อยของนาซ่า และ ยานอวกาศ มาร์สรีคอนเนสเซนซ์ออร์บิเตอร์ (Mars Reconnaissance Orbiter-MRO) ของนาซ่า ได้พิสูจน์ว่าเป็นไปในทางตรงกันข้าม หิมะที่ตกของดาวอังคารสามารถถึงพื้นผิวของดาวได้ภายในเวลาไม่ถึง 10นาที อุณหภูมิที่นั่นจะลดลงมากเมื่อพระอาทิตย์ตก และลมแรงสร้างพายุหิมะ พายุนี้เรียกว่าน้ำแข็งไมโครเบิร์สต์ (ice microbursts)ที่เทียบได้กับพายุหิมะขนาดเล็กที่เกิดขึ้นบนโลก พายุหิมะบนดาวอังคารบางครั้งเป็นน้ำแข็งแห้ง โดยเฉพาะจุดที่อยู่ใกล้ขั้วโลกใต้ เมฆจะสร้างตัวจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่แช่แข็ง เกล็ดจากก้อนเมฆเหล่านี้ตกลงมาอย่างหนาแน่นพอที่จะสะสมได้ ซึ่งจะมีส่วนทำให้เกิดน้ำแข็งแห้งปกคลุมขั้วโลกใต้ของดาว

: University of Warwick/Mark Garlick

 7.ฝนอัญมณี (Gemstone rain)

HAT-P-7b เป็นดาวเคราะห์นอกระบบที่อยู่ห่างจากโลกประมาณ 1,000 ปีแสง ดาวเคราะห์ดวงนี้มีขนาดใหญ่กว่าดาวพฤหัสบดีถึง 40% และโคจรรอบดาวที่มีขนาดใหญ่กว่าดวงอาทิตย์ ถึง 2 เท่า HAT-P-7b อยู่ใกล้กับดาวขนาดใหญ่และถูกล็อคไว้ด้านเดียว ด้านที่หันเข้าหาดวงอาทิตย์ มีอุณหภูมิเฉลี่ย 2,586 องศาเซลเซียส (4,687 องศาฟาเรนไฮต์) ในด้านที่มืดของ HAT-P-7b จะเย็นกว่ามากและความแตกต่างของอุณหภูมิทั้ง2 นี้ ก่อให้เกิดลมแรงที่พัดวนอยู่ดาว เมฆจะก่อตัวขึ้นจากด้านมืดของ HAT-P-7b ลมที่กระโชกแรงจะพัดเมฆขึ้นไป สู่ด้านที่หันเข้าหาดวงอาทิตย์ ถึงแม้ว่าเมฆเหล่านี้จะอยู่ได้ไม่นานในช่วงกลางวันก่อนจะกลายเป็นไอระเหยในความร้อนสูง HAT-P-7b มีเมฆที่สวยงาม และมีแร่คอรันดัมซึ่งเป็นแร่ธาตุที่สร้างไพลินและทับทิมบนโลก แต่นักดาราศาสตร์ต้องเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับบรรยากาศของ HAT-P-7b เพื่อกำหนดได้ว่า ฝนคอรันดัมเกิดขึ้นได้อย่างไรเมื่อมันทำปฏิกิริยากับสารเคมีอื่นๆ ระหว่างทางก่อนที่จะตกลงสู่บนพื้นผิวของดาว

 

NASA, ESA, G. Bacon (STScI)

 6.หิมะกันแสงแดด (Sunscreen snow) 

Kepler-13Ab เป็นดาวที่ร้อนอย่างเหลือเชื่อ ซึ่งอยู่ห่างจากโลกประมาณ 1,730 ปีแสง ดาวเคราะห์นอกระบบดวงนี้ มีหิมะที่ตกเป็นไททาเนียมไดออกไซด์ซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ในสารกันแดด หิมะกันแดดนี้เกิดขึ้นเฉพาะบริเวณด้านมืดของดาวเท่านั้น Kepler-13Ab เป็นดาวพฤหัสร้อนอีกดวงหนึ่งซึ่งโคจรรอบดาวแม่อย่างใกล้ชิดและถูกล็อคไว้ด้านเดียว อุณหภูมิในช่วงกลางวันสูงถึง 2,760 องศาเซลเซียส (5,000 องศาฟาเรนไฮต์) ทำให้ Kepler-13Ab เป็นดาวเคราะห์นอกระบบที่ร้อนที่สุด และเป็นที่รู้จักกัน ปกติดาวที่มีความร้อนสูงส่วนใหญ่จะแผ่กระจายความร้อนออกมา ทำให้บรรยากาศชั้นบนอุ่นขึ้นกว่าชั้นบรรยากาศที่ต่ำกว่า Kepler-13Ab จึงมีเอกลักษณ์เฉพาะที่ร้อนเพียงด้านเดียว เนื่องจากด้านที่เป็นกลางวันของดาวดวงนี้ขาดไททาเนียมออกไซด์ซึ่งเป็นสารประกอบที่ช่วยในการดูดซับรังสีความร้อน นักวิทยาศาสตร์พบว่าไทเทเนียมออกไซด์มีอยู่เฉพาะในด้านมืดของดาวเท่านั้น จึงเชื่อกันว่าลมที่พัดแรง จะนำส่วนประกอบจากด้านสว่างไปสู่ด้านมืดที่ทำให้เย็นตัว และจับตัวกลายเป็นเมฆ เมฆเหล่านั้นจะปล่อยหิมะไทเทเนี่ยมซึ่งจะถูกดึงเข้าไปในชั้นบรรยากาศที่ต่ำกว่าด้วยแรงโน้มถ่วงของพื้นผิวที่มีพลังมากของ Kepler-13Ab

 

 

ที่มา: Listverse
เรียบเรียง: SignorScience