เทคโนโลยีเพื่อความเป็นอมตะของมนุษย์

สุขภาพ

เทคโนโลยีใหม่กำลังให้หนทางหลายอย่างกับมนุษยชาติเพื่อความเป็นอมตะ

การเคลื่อนไหวของ องค์กร 2045 ( The 2045 ‘s movement)และ 4 เส้นทางสู่ความเป็นอมตะ

น้ำพุแห่งวัยหนุ่มสาวของเฮโรโดตุส (Herodotus’s Fountain of Youth) ,ศิลาอาถรรพ์ของ เจเค โรลลิ่ง (J.K. Rowling’s Philosopher’s Stone) ,เนเวอร์แลนด์ ของ เจเอ็ม แบร์รี่ (J.M. Barrie’s Neverland) 
คูเมี่ยน ซิบิล ของโอวิด(Ovid’s Cumaean Sibyl) ความคิดเกี่ยวกับความเป็นอมตะได้รับการปลูกฝังแน่นอยู่ในจิตสำนึกที่สร้างสรรค์ของมนุษยชาติตั้งแต่แรกเริ่ม 

Futurism

ปัจจุบันนี้ ความอ่อนวัยชั่วนิรันดร์อาจเคลื่อนออกมาจากอาณาจักรแห่งนิยาย และเข้าสู่ความเป็นจริงด้วยการพัฒนาเทคโนโลยี

อวาตาร A (Avatar A)

มีเป้าหมายเพื่อให้สมองมนุษย์สามารถควบคุมหุ่นมนุษย์ได้โดยใช้ การเชื่อมต่อสมองและคอมพิวเตอร์ (brain-computer interface
หรือ BCI) แม้ว่าสิ่งนี้อาจเป็นเรื่องแปลกประหลาด แต่เราต้องจำไว้ว่าการควบคุมหุ่นโดยใช้การนึกคิด เป็นแนวคิดพื้นฐานที่สุดของโครงการนี้ ซึ่งประสบผลสำเร็จแล้วเมื่อทศวรรษที่ผ่านมา เทคโนโลยีนี้ได้รับการพัฒนาโดยความก้าวหน้าล่าสุดในด้านสิ่งประดิษฐ์ชิ้นส่วนร่างกายเทียม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าระบบประสาทของมนุษย์มีความสามารถในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เทียมที่มีการปรับปรุงให้ดีขึ้น

อวาตาร B (Avatar B)

แทนที่จะควบคุมร่างกายจากระยะไกล กลายเป็นความพยายามที่จะสอดใส่สมองเข้าไปในร่างหุ่น กระบวนการที่มองว่าเป็นไปได้ในอนาคตนี้ก็คือ การหยุดการทำงานของสมอง ย้ายที่มัน แล้วก็ปลูกถ่ายมัน ในขณะที่ตามทฤษฎีแล้วสมองจะอยู่ในร่างกายที่เป็นหุ่นยนต์ ขั้นตอนนี้จะสร้างการรับรู้ที่อยู่ในร่าง ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลง เพิ่มเติม หรือปรับปรุงได้

อวาตาร C (Avatar C)

เป็นขั้นตอนถัดไปของการเชื่อมต่อกับร่างกาย ลองจินตนาการถึงร่างหุ่นที่สมบูรณ์แบบ ที่สามารถอัพโหลดสมองเข้าไปได้ สมมุติฐานนี้จะต้องใช้ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่สามารถช่วยให้การรับรู้ได้รับการอัพโหลดและแทรกลงในร่างที่เป็นหุ่นยนต์ 1 ร่าง หรือหลายร่างก็เป็นไปได้ สมองจะกลายเป็นระบบคอมพิวเตอร์มากกว่าที่จะประกอบด้วยเนื้อในการควบคุมเครื่อง ซึ่งจะช่วยให้สมองสามารถปรับแต่ง และเป็นหุ่นยนต์ที่มีความรู้สึก โดยรวมแล้วเพื่อให้สามารถดำรงอยู่รอดในสิ่งที่ร่างกายมนุษย์ปกติไม่สามารถทำได้

อวาตาร D (Avatar D)

โครงการ ของ 2045 ให้ข้อมูลเล็กน้อยมากเกี่ยวกับ Avatar D แต่โครงร่างของแนวคิดขั้นนี้ก็คือการสร้างอวาตาร์รูปแบบ 3 มิติ -โฮโลแกรม หรือ สสารที่ทำให้จิตใจมีความเป็นอิสระ

เทคโนโลยีนี้ จะเป็นจริงหรือไม่นั้น เป็นคำถามที่เป็นที่ถกเถียงกันว่าอาจจะเกิดขึ้นได้ในปี 2045 ซึ่งเป็นที่คาดการณ์ไว้ของ Kurzweil คำถามที่สำคัญกว่านั้นคือ ควรหรือไม่ควรให้เกิดขึ้น ความเป็นไปได้ของความเป็นอมตะ ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อบุคคล เช่นเดียวกับสังคมโดยรวม

อาจมีทั้งเชิงบวกและเชิงลบเกี่ยวกับแนวคิดเรื่องความเยาว์ชั่วนิรันดร์ ความเป็นอมตะอาจหมายความว่าเราจะไม่ทุกข์กับความกลัวตายอีกต่อไป เราสามารถทำอะไรได้มากขึ้นกับชีวิตของเรา และจิตใจที่ยอดเยี่ยมที่สุดของโลก ซึ่งสามารถพัฒนาความคิดต่อไปได้ 

อย่างไรก็ตาม อาจมีความเครียดเกี่ยวกับทางทรัพยากร ปัญหาทางจิตวิทยาที่รุนแรงที่เกี่ยวข้องกับอายุที่มากขึ้น และความเครียดเกี่ยวกับโครงสร้างทางสังคม เช่นการแต่งงาน และสภานะการเป็นบิดามารดา

ภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกคือ การเตือนความทรงจำจากเรื่องของ Cumaean Sibyl ของ Ovid เมื่อเธอขอชีวิตนิรันดร์แทนที่จะเป็นความเยาว์นิรันดร์ อพอลโลจึงปล่อยให้เธอเน่าเปื่อย แต่เก็บเธอไว้ให้มีชีวิตอยู่ จนกว่าร่างเธอจะแตกสลายลงไปอยู่ในขวด เหลือเพียงแค่เสียง

ถ้าพูดถึงเรื่องที่เราต้องพิจารณา…สิ่งที่ต้องการบรรลุถึงชีวิตนิรันดร์ ไม่ว่าการเดินทางครั้งนี้จะเป็นประโยชน์จริงหรือไม่ หรือเป็นแค่การกลัวความตาย หวังว่ามันจะตกหล่นเป็นอดีตไป หรือไม่ เราจะเสี่ยงต่อการเป็นอะไรที่มากกว่าเสียงในขวด

ที่มา: Futurism
เรียบเรียง: SignorScience