การวิวัฒนาการของเอเลี่ยน 

อวกาศ

นี่คือสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์บอกว่า จริงๆแล้ว สิ่งมีชีวิตที่อยู่นอกโลกอาจจะมีรูปร่างลักษณะเช่นนี้ก็ได้


กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ดอ้างว่า เอเลี่ยนอาจมีรูปร่างลักษณะที่แตกต่างจาก ET หรือ ชาวคลิงงอน(Klingon)ในสตาร์เทค 

จากบทความที่ตีพิมพ์ใน International Journal of Astrobiology ภาควิชาสัตววิทยาที่ Oxford กล่าวว่ารูปร่างของเอเลี่ยนอาจได้รับผลมาจากการคัดเลือกตามธรรมชาติ (Natural selection) กล่าวคือ สิ่งมีชีวิตที่ปรับตัวได้ดีจะมีชีวิตอยู่รอดได้มากกว่าสิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถปรับตัวได้ และถ่ายทอดลักษณะที่ปรับเปลี่ยนไปยังรุ่นถัดไป เมื่อเวลาผ่านไป ลักษณะที่ปรับเปลี่ยนซึ่งเหมาะสมต่อสภาพแวดล้อมจึงเพิ่มมากขึ้นในแต่ละชั่วรุ่น ขณะที่ลักษณะที่ไม่เหมาะสมจะลดน้อยหรืออาจหมดไป จนในที่สุดเกิดเป็นสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างจากเดิมกลายเป็นสิ่งมีชีวิตรูปแบบใหม่ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของทฤษฎีวิวัฒนาการของดาร์วิน

ที่มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด ออคโทไมท์ (Octomite) คือตัวอย่างของเอเลี่ยนที่มีความซับซ้อนของนักวิทยาศาสตร์ ซึ่งมันได้ผ่านขั้นตอนวิวัฒนาการ โดยการคัดเลือกตามธรรมชาติ ดังนั้นมันจึงประกอบไปด้วยส่วนประกอบที่แตกต่างกันมากมาย

ขอให้ลืมภาพมนุษย์ต่างดาวที่มีดวงตาโตๆ หรือหูที่แหลมๆไปก่อน แต่ให้นึกถึงการปรับตัวตามธรรมชาติที่ทำให้สามารถควบคุมสภาพแวดล้อมได้ เช่นความยาวของคอยีราฟ ที่ช่วยให้มันสามารถเข้าถึงอาหารได้มากขึ้น ดังนั้นมันจึงมีชีวิตที่ยาวนานเพื่อที่จะออกลูกได้มากขึ้น

ภาพประกอบเหล่านี้แสดงถึงความซับซ้อนของการปรับตัวในระดับต่างๆ ซึ่งเราอาจจินตนาการได้เมื่อนึกถึงเอเลี่ยน

(a) โมเลกุลธรรมดาที่ลอกแบบกันมา แต่ไม่มีการออกแบบที่ชัดเจน รูปแบบนี้ อาจจะ หรือ อาจจะไม่ได้ผ่านการคัดเลือกตามธรรมชาติ (Natural selection) 

(b) เซลล์ธรรมดา-ที่เหมือน Entity -บางสิ่งที่ดำรงอยู่แยกจากสิ่งอื่นอย่างเป็นอิสระด้วยมันเอง แม้แต่สิ่งที่ธรรมดาเช่นนี้ ก็มีการออกแบบมาอย่างพอเพียงในส่วนที่จะต้องผ่านการคัดเลือกตามธรรมชาติ 

(c) เอเลี่ยนที่มีส่วนประกอบต่างๆมากมายที่ซับซ้อนและทำงานร่วมกัน ซึ่งดูเหมือนที่ได้รับการเปลี่ยนสภาพครั้งใหญ่มาแล้ว

หลายคนถกเถียงว่า เอเลี่ยนที่มีความซับซ้อน อาจประกอบไปด้วยการจัดลำดับชั้นของ Entity ซึ่งการรวมกลุ่มในระดับชั้นที่ต่ำลงไปแต่ละกลุ่ม ได้จัดเรียงผลประโยชน์ที่ได้จากการวิวัฒนาการให้มาอยู่ในแนวเดียวกัน เมื่อเป็นเช่นนั้นการทับซ้อนกันจึงถูกขจัดออกไปอย่างมีประสิทธิภาพ Entity แยกการทำงานออกเป็น 2 ส่วนเพื่อให้อยู่รอดและพึ่งพากันได้

แค่ในกาแลคซี่ที่เราอยู่นี้ ก็มีดวงดาวอยู่อย่างน้อย 100 พันล้านดวง การคัดเลือกตามธรรมชาติ คือวิธีเดียวที่เรารู้จัก เพื่อให้รู้ถึงชนิดของรูปแบบชีวิตที่เราคุ้นเคย ตั้งแต่เรื่องไวรัสไปจนถึงเรื่องต้นไม้ ด้วยความคุ้นเคยนี้ พวกมันเป็นสิ่งที่โดดเด่นกว่าความเป็นมาของเรื่องหินและน้ำมัน เพราะว่าพวกมันเหมือนจะกำลังยุ่งอยู่กับการพยายามลอกแบบตัวเอง 

เราสามารถถามได้ว่าเอเลี่ยนจะประสบกับการคัดเลือกตามธรรมชาติหรือไม่?

ทฤษฎีวิวัฒนาการบอกเราว่าสำหรับทุกอย่าง ที่นอกเหนือจากสิ่งที่มีชีวิตส่วนใหญ่ที่อยู่ได้ชั่วคราว และโมเลกุลธรรมดา คำตอบคือ ใช่! เอเลี่ยนต้องเผชิญกับการคัดเลือกตามธรรมชาติเช่นกัน

โดยที่ไม่มีนักออกแบบ วิธีเดียวที่ทำให้ได้รับบางอย่าง ซึ่งมีจุดประสงค์ที่ชัดเจนในการลอกแบบตัวเอง ( เหมือนกับเซลล์ หรือไวรัส) คือวิธีผ่านการคัดเลือกตามธรรมชาติ

มีดาวนับ 100 พันล้านดวงในกาแลคซี่ของเรา และอย่างน้อย 20 % ของดาวเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะตกลงไปในเขตที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ที่สามารถสร้างให้สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้ พวกเขาคาดการณ์ว่า ถ้าแม้แต่ 0.001 % ของดาวเหล่านั้นค่อยๆพัฒนาสิ่งมีชีวิต นั่นหมายถึงดาว
200,000 ดวงที่ได้ให้ที่พักกับสิ่งมีชีวิตในกาแลคซีของเรา และ มันอาจใช้รูปแบบชีวิตเอเลี่ยนเพียงรูปแบบเดียวเท่านั้น เพื่อให้ความเข้าใจของเราในเรื่องที่เกี่ยวกับจักรวาลเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

พวกเขาอ้างว่า ความเข้าใจโดยคิดถึงสิ่งมีชีวิตในแบบของเครื่องจักร (Mechanistic ) เป็นวิธีที่ดีในการคาดการณ์ ที่ปราศจากอิทธิพลของโลก เช่นข้อกำหนดและเงื่อนไขต่างๆ การผสมผสานทั้ง 2 วิธีนี้ คือการคัดเลือกตามธรรมชาติ และ การคืดถึงสิ่งมีชีวิตในแบบเครื่องจักร เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการคาดการณ์เกี่ยวกับเอเลี่ยนในจินตนาการ นับร้อย นับพัน หรือนับล้าน 

ตอนนี้ เราแค่ต้องหาเอเลี่ยนเหล่านี้ให้พบเท่านั้น

ที่มา: istuff
เรียบเรียง: SignorScience